
หลักการแก้ปัญหา


ขั้นตอนการแก้ปัญหา
การแก้ปัญหาเป็นกิจกรรมพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ปัญหาบางปัญหาสามารถหาคำตอบได้ทันที ขณะที่บางปัญหาอาจต้องใช้เวลานานในการค้นหาคำตอบ
ซึ่งคำตอบที่ได้ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และสามารถ
นำไปอ้างอิงต่อได้ การแก้ปัญหาของแต่ละบุคคลมีขั้นตอนและใช้เวลาที่แตกต่างกัน
ความรู้และประสบการณ์จะส่งผลต่อความสามารถในการแก้ปัญหา
ขั้นตอนการแก้ปัญหาข้างต้นนำเสนอโดยนักคณิตศาสตร์ ชื่อ จอร์จ โพลยา
(George Poya) ตั้งแต่ พ.ศ. 2488 และยังคงเป็นขั้นตอนการแก้ปัญหาที่ใช้เป็นหลักปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน ในแต่ละขั้นตอน มีรายละเอียดที่สามารถอธิบายได้ดังนี้
1. การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา
ในการที่จะแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทำความเข้าใจปัญหาเพื่อแยกให้ออกว่า (1) สิ่งที่ต้องการคืออะไร และ (2) ข้อมูลที่กำหนดให้คืออะไร หลังจากนั้น
จึงพิจารณาข้อมูลและเงื่อนไขที่กำหนดให้เพียงพอที่จะหาคำตอบของปัญหาหรือไม่
2. การวางแผนในการแก้ปัญหา
เมื่อทำความเข้าใจแล้ว ควรวางแผนในการแก้ปัญหาด้วยการเลือกใช้เครื่องมือ
และวิธีการ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ ประสบการณ์เดิมของผู้แก้ปัญหาจะมีส่วนช่วย
อย่างมากในขั้นตอนนี้ ฉะนั้น ในการเริ่มต้นจึงควรจะเริ่มต้นด้วยการถามตนเองว่า
"เคยแก้ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้หรือไม่" ในกรณีที่มีประสบการณ์มาก่อน
ควรจะใช้ประสบการณ์มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาโดยปรับปรุงให้เหมาะสม
กับปัญหาใหม่ โดยอาจอาศัย รหัสลำลอง (pseudocode) หรือผังงาน (flowchart)
เข้ามาช่วยในการถ่ายทอดความคิด
3. การดำเนินการแก้ไขปัญหา
เมื่อวางแผนแล้วก็ดำเนินการแก้ปัญหา ซึ่งได้แก่ การนำเครื่องมือและวิธีการ
ที่ได้วางแผนไว้ในขั้นตอนที่ 2 มาดำเนินการแก้ปัญหา ซึ่งการดำเนินการแก้ปัญหา
อาจทำให้เห็นแนวทางที่ดีกว่าวิธีที่คิดไว้ ก็สามารถนำมาปรับเปลี่ยนได้
4. การตรวจสอบและปรับปรุง
เมื่อได้ดำเนินการแก้ปัญหาแล้วจำเป็นต้องตรวจสอบว่าวิธีการดังกล่าวนำมา
ซึ่งผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ตามรายละเอียดของปัญหาที่กำหนดไว้ในขั้นตอนแรกหรือไม่
ถ้าหากผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จะต้องปรับปรุงวิธีการให้ถูกต้อง
ในบางครั้งการแก้ปัญหาตามขั้นตอนข้างต้นในครั้งแรกนั้น อาจไม่เพียงพอ
ที่จะทำให้ได้คำตอบที่ต้องการ ทั้งนี้เนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ยังเข้าใจปัญหาไม่ดีพอ ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอ หรือวิธีการที่ใช้แก้ปัญหายังไม่เหมาะสม ยังไม่ครอบคลุม
กรณีต่าง ๆ ของปัญหา ดังนั้นเราอาจจำเป็นต้องมีการย้อนกลับไปทำขั้นตอน
ที่ผ่านมาซ้ำ ๆ เพื่อทบทวนและปรับปรุงจนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง ดังรูป


ประโยชน์ของขั้นตอนการแก้ปัญหา 4 ขั้นตอน
• ช่วยให้เราฝึกการคิดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน
• ฝึกการคิดวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างมีระบบระเบียบ
• ทำให้เรารู้จักการวางแผน หาวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสม
• สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
• ทำให้เราเป็นคนที่มีความละเอียด รอบคอบมากยิ่งขึ้น
• เป็นประโยชน์ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์


สถานการณ์ตัวอย่าง
"ธีรภัทร ชอบเล่นเกมในตอนกลางคืนจนดึกส่งผลให้ธีรภัทรมักหลับในเวลาเรียนและตามบทเรียนไม่ทัน"
ถ้านักเรียนเป็นธีรภัทรจะมีวิธีการแก้ปัญหานี้
ได้ย่างไร ตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหา 4 ขั้นตอน

1. ขั้นวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา
ธีรภัทรหลัับในเวลาเรียนและตามบทเรียนไม่ทัน เพราะ
- เล่นเกมจนดึก
- นอนดึก
- หลับในเวลาเรียน
2. ขั้นการวางแผนแก้ปัญหา
หาวิธีการแก้ปัญหา ดังนี้
- งดเล่นเกมตอนกลางคืน
- เข้านอนให้เร็วขึ้น
- แบ่งเวลาในการทบทวนบทเรียน
- แบ่งเวลาในการเล่นเกมให้น้อยลง
3. ขั้นดำเนินการแก้ปัญหา
- ลดเวลาเล่นเกมให้น้อยลงเพื่อแบ่งเวลา
มาทบทวนบทเรียนและเข้านอนให้เร็วขึ้น
4. ขั้นการตรวจสอบและปรับปรุง
ธีรภัทรไม่หลับในเวลาเรียนและตามทันบทเรียน

